วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 12, 2549

เลือดไหลไม่หยุด


นที่สุดพรรคที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยก็เริ่มเสื่อมถอยลง ก็เพราะภาวะเลือดไหลไม่หยุดของพรรคไทยรักไทยเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่ต่างจากเมื่อปีสองปีก่อนที่เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย ในตอนนั้นบรรดานักการเมืองไร้จุดยืนทั้งหลาย ต่างพากันหนีออกจากพรรคที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่แต่อืดอาด ไปอยู่พรรคที่ดูดีมีอนาคตและใหญ่โตคับฟ้า แต่มาตอนนี้กรรมเกิดตามทันอย่างแรงและเร็วกว่าคลื่นสัญญาณ AIS หลายร้อยเท่า

แม้กระทั่งหัวหน้าพรรคอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีอันต้องโบกมืออำลาพรรคที่ตัวเองสร้างมากับมือไปในที่สุด โดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะกลับมาสั่งเสียลูกน้องด้วยตัวเอง แต่แน่นอนว่าคงมีการพูดคุยและหารือกันมาพอสมควรแล้วเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของคนในพรรค โดยเฉพาะแกนนำทั้งหลายว่าจะมีแผนการต่อไปอย่างไร เพราะขณะนี้แกนนำหลายคนก็สละเรือไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, สุรนันท์ เวชชาชีวะ, สมศักดิ์ เทพสุทิน, สนธยา คุณปลื้ม, สุชาติ ตันเจริญ, สุรเกียรติ์ เสถียรไทย (พวกนี้มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส. ทั้งนั้น) แต่ยังมีแกนนำบางคนที่ยังรักพรรคยิ่งชีพ พร้อมที่จะตายไปพร้อมกับพรรคเลยทีเดียว กลุ่มหลังนี้ก็อย่างเช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, อนุทิน ชาญวีรกูล, วีระ มุสิกพงษ์

ส่วนสาเหตุของการชิ่งหนีครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่พรรคไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ตนเองได้อีกต่อไป เรียกว่าอยู่ไปก็ไม่มีอะไรทำ แถมยังเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบ สอบสวน หรือถูกตามล้างตามเช็ดจาก คตส., สตง., ปปช., ปปง., และอีกหลายองค์กรตัวย่อ ซึ่งจะยิ่งวุ่นวายไร้ความสะดวกเสียเปล่าๆ ซ้ำร้ายถ้าพรรคถูกยุบ ก็เป็นอันหมดอนาคตทางการเมืองไปอย่างน้อย 5 ปี ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นการปัดสวะให้พ้นตัวที่ดูเหมือนจะซับซ้อนน้อยที่สุดแล้ว (ในความคิดของบุคคลเหล่านี้)

จริงอยู่ที่อาจมีคนเถียงว่าการลาออกครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุผลข้างต้นเลย แต่ลาออกเพราะต้องการความสมานฉันท์ หรือต้องการไปประกอบอาชีพอย่างอื่น หรือเหตุผลบ้าบอคอแตกอะไรก็แล้วแต่ เด็กอมมือฟังแล้วยังเข้าใจได้ว่าโกหกทั้งเพ นึกแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าคนเล่นการเมืองต้องหน้าด้านเข้าไว้จริงๆ นั่นแหละ

นับจากนี้ต่อไปคงต้องจับตาดูว่าเลือดของพรรคไทยรักไทยจะหยุดไหลเมื่อไหร่ แต่ที่จะคลาดสายตาไปไม่ได้ก็คือการสลายตัวของบรรดาแกนนำพรรค สมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรค จะเป็นเกมหลอกล่อให้คนดูตายใจหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและน่าที่จะต้องระวังเอาไว้ เพราะคนในพรรคนี้โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างเครือข่ายและวางขุมกำลังแผ่อิทธิพลไปทุกหย่อมหญ้าของเมืองไทยมานานหลายปี และที่ผ่านมาก็ยืนกระต่ายขาเดียวมาตลอดว่าจะไม่ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ดูเหมือนจะมีอะไรซ่อนอยู่มากกว่าภาพภายนอก และเป็นการเร็วเกินไปที่สังคมจะตัดสินกันแต่สถานการณ์ที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้

เพราะ "ทักษิณ" ยังไงก็ยังเป็น "ทักษิณ" วันยังค่ำ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถูกต้องเลยที่ว่า... เพราะ "ทักษิณ" ยังไงก็ยังเป็น "ทักษิณ" วันยังค่ำ

ประเทศไทยมีคนแบบ "ทักษิณ" คนเดียวก็เหนื่อยและแย่พอแล้ว

ในความจริงสังคมเรายังมีคนแบบ "ทักษิณ" ทั้งเปิดเผย และแอบแฝง อยู่อีกไม่น้อยเลย น่าเศร้าใจ....

ประชาธิปไตยไทยจะก้าวเดินต่อไปได้อีกไกลแค่ไหน หรือล้มลุกคลุกคลานอีกเท่าไหร่ น่าคิดนะ...